ค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในธุรกิจปั๊มน้ำมันขนาดเล็ก

วางแผนและออกแบบปั๊มน้ำมันสำหรับธุรกิจ

ตู้จ่ายน้ำมัน

หากพูดถึงเรื่องของการลงทุนในธุรกิจปั๊มน้ำมันหรือตู้จ่ายน้ำมันแล้วนั้น แน่นอนว่าแม้เจ้าของธุรกิจจะเลือกลงทุนในธุรกิจปั๊มน้ำมันขนาดเล็ก ๆ หรือตู้จ่ายน้ำมันแบบหยอดเหรียญธรรมดา ๆ นั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจปั๊มน้ำมันเป็นธุรกิจที่จะต้องใช้เงินลงทุนที่มากกว่าการลงทุนในธุรกิจรูปแบบอื่นหลายเท่าตัว เพราะการจะเปิดปั๊มน้ำมันขึ้นมาสักแห่งนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของค่าใช้จ่ายสำหรับตู้จ่ายน้ำมัน หัวจ่ายน้ำมัน หรือถังน้ำมัน เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของค่าใช้จ่ายในส่วนของการเช่าดูแลพื้นที่ ค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย ค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงาน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมากมายรออยู่ด้วย เพราะฉะนั้นแล้วหากคุณอยากเปิดปั๊มน้ำมันขนาดเล็กเป็นของตัวเองแล้วล่ะก็ ลองมาดูไปพร้อม ๆ กันเลยว่าคุณจำเป็นจะต้องเตรียมเงินลงทุนสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเงินประมาณเท่าไหร่กันแน่


ค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในธุรกิจปั๊มน้ำมันขนาดเล็ก

  1. ค่าอุปกรณ์จ่ายน้ำมัน  
    ก่อนการลงทุนทำธุรกิจตู้จ่ายน้ำมันหรือปั๊มดูดน้ำมันสักแห่งหนึ่งนั้น สิ่งที่เจ้าของธุรกิจจำเป็นจะต้องตัดสินใจเป็นลำดับแรกเลยคือรูปแบบของธุรกิจปั๊มน้ำมันที่ต้องการจะเปิด ว่าต้องการจะเปิดปั๊มน้ำมันในรูปแบบไหน ซึ่งในปัจจุบันนี้รูปแบบของธุรกิจปั๊มน้ำมันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ธุรกิจปั๊มน้ำมันแบบธรรมดา และธุรกิจปั๊มน้ำมันแบบแฟรนไชส์

    ธุรกิจปั๊มน้ำมันแบบธรรมดา

    โดยทั่วแล้วการลงทุนทำธุรกิจตู้จ่ายน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันแบบธรรมดานั้นจะใช้เงินลงทุนที่น้อยกว่าการเปิดธุรกิจปั๊มน้ำมันแบบแฟรนไชส์ค่อนข้างมาก เนื่องจากการลงทุนในธุรกิจปั๊มน้ำมันแบบธรรมดาไม่ได้มีเรื่องของค่าเครื่องหมายการค้า รวมไปถึงค่าอุปกรณ์สำหรับจ่ายน้ำมันต่าง ๆ อย่าง ตู้จ่ายน้ำมัน หัวจ่ายน้ำมัน หรือถังน้ำมัน ที่จำเป็นจะต้องมีรูปแบบและมาตรฐานที่เหมือนกันกับปั๊มน้ำมันสาขาอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลให้การลงทุนค่าอุปกรณ์จ่ายน้ำมันสำหรับธุรกิจตู้จ่ายน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันขนาดเล็กแบบธรรมดาจึงมีค่าใช้จ่ายโดยประมาณ ดังนี้

    • อุปกรณ์จ่ายน้ำมัน ประเภทตู้จ่ายน้ำมันแบบหยอดเหรียญ จะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นที่ประมาณ 25,000-35,000 บาท
    • อุปกรณ์จ่ายน้ำมัน ประเภทตู้จ่ายน้ำมันแบบหยอดเหรียญแบบตู้ปิด ที่สามารถรองรับการจ่ายเงินด้วยธนบัตรได้ จะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นที่ประมาณ 60,000-65,000 บาท
    • อุปกรณ์จ่ายน้ำมัน ประเภทตู้จ่ายน้ำมันแบบ 2 หัวจ่าย พร้อมถังเก็บน้ำมัน และหลังคาสำหรับกันแดดกันฝน จะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นที่ประมาณ 500,000 บาท

    ธุรกิจปั๊มน้ำมันแบบแฟรนไชส์

    สำหรับการลงทุนในธุรกิจปั๊มน้ำมันแบบแฟรนไชส์นั้นถือได้ว่าเป็นการลงทุนทำธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนสูงกว่าการลงทุนทำธุรกิจตู้จ่ายน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันแบบธรรมดาค่อนข้างมาก เนื่องจากการลงทุนในธุรกิจปั๊มน้ำมันแบบแฟรนไชส์มีค่าเครื่องหมายการค้า และค่าสนับสนุนแฟรนไชส์ที่เจ้าของธุรกิจจำเป็นจะต้องจ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งธุรกิจแบบแฟรนไชส์ยังเป็นธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานของการปฏิบัติงาน การจัดการภายในร้าน รวมถึงการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์สำหรับจ่ายน้ำมันต่าง ๆ ที่จำเป็นจะต้องมีรูปแบบและคุณภาพที่ตรงตามมาตรฐานของธุรกิจแฟรนไชส์เป็นสำคัญ ส่งผลให้การลงทุนค่าอุปกรณ์จ่ายน้ำมันสำหรับธุรกิจปั๊มน้ำมันแบบแฟรนไชส์จะมีค่าใช้จ่ายโดยรวมอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท สำหรับธุรกิจปั๊มน้ำมันขนาดเล็กที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 2 ไร่ขึ้นไป

  2. ค่าระบบจัดการเชื้อเพลิง 
    ระบบจัดการเชื้อเพลิงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งจำเป็นที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับการลงทุนทำปั๊มน้ำมันทุกประเภท เพราะการมีระบบจัดการเชื้อเพลิงไม่เพียงแต่จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถทำการตรวจสอบและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันที่ถูกจำหน่ายออกไปในแต่ละวัน เพื่อการควบคุมและจัดการปริมาณน้ำมันคงเหลือในสต็อกได้อย่างเหมาะสมเท่านั้น แต่การมีระบบจัดการน้ำมันยังช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถทำการตรวจสอบได้ว่าน้ำมันที่ถูกจ่ายออกจากตู้จ่ายน้ำมันนั้น ถูกจ่ายออกไปโดยพนักงานคนไหน จำหน่ายออกไปเวลาไหน ปริมาณเท่าไหร่ และมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสี่ยงที่พนักงานจะทำการทุจริตในการเติมน้ำมันได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การติดตั้งระบบจัดการเชื้อเพลิงที่สามารถดูและตรวจสอบข้อมูลได้อย่างถูกต้องและแม่นยำจากทุกที่ทุกเวลาผ่านทางระบบออนไลน์นั้นจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ประมาณ 170,000 บาท


  3. ค่าสต๊อกน้ำมัน 
    อีกหนึ่งค่าใช้จ่ายสำคัญสำหรับธุรกิจตู้จ่ายน้ำมันหรือปั๊มน้ำมัน คือ ค่าใช้จ่ายสำหรับการสต๊อกน้ำมันเชื้อเพลิงเอาไว้ใช้สำหรับการประกอบกิจการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ราคาน้ำมันทั่วโลกมีการปรับตัวสูงขึ้นแบบนี้ การมีน้ำมันสต๊อกเอาไว้ในปริมาณที่มากเพียงพอจะช่วยให้เจ้าของกิจการสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านของต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะส่งผลต่อการมีกำไรที่เพิ่มมากขึ้นจากการขายปลีกน้ำมันตามราคาของตลาดโลก โดยสำหรับต้นทุนในการสต๊อกน้ำมันนั้นจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ ส่วนของถังเก็บน้ำมันชนิดบนดิน ซึ่งจะมีให้เลือกใช้งานตั้งแต่ถังเก็บน้ำมันขนาดเล็ก 500 ลิตร ไปจนถึงถังเก็บน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ถึง 40,000 ลิตร ตามความต้องการ ซึ่งราคาของถังเก็บน้ำมันบนดินที่มาพร้อมด้วยตู้จ่ายน้ำมันนั้นจะมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 160,000 บาท


    และสำหรับต้นทุนในการสต๊อกน้ำมันส่วนที่สอง คือ ต้นทุนสำหรับน้ำมันดิบที่เราต้องการจะซื้อมาเก็บสำรองเอาไว้ในถังเก็บน้ำมัน ซึ่งสามารถคำนวณได้จากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ละเดือนหรือแต่ละสัปดาห์ คูณเข้ากับราคาน้ำมันในตลาดโลก ณ ขณะนั้น ๆ ซึ่งในปัจจุบันนี้ราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซิน ราคาเนื้อน้ำมันผสมเอทานอล จะอยู่ที่ประมาณ 26.53-29.40 บาทต่อลิตร และราคาน้ำมันเบนซิน95 จะอยู่ที่ประมาณ 30.47 บาทต่อลิตร ในขณะที่ราคาน้ำมันสำหรับน้ำมันในกลุ่มดีเซล หรือ ดีเซลบี5 ราคาเนื้อน้ำมันผสมไบโอดีเซล(บี100) 5% จะอยู่ที่ประมาณ 34.34 บาท บาทต่อลิตร

  4. ค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย
    ธุรกิจตู้จ่ายน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันขนาดเล็กถือได้ว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจเฉพาะ ที่เจ้าของธุรกิจจำเป็นจะต้องได้รับใบอนุญาตในการเป็นเจ้าของกิจการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงก่อนถึงจะสามารถทำการลงทุนและประกอบกิจการตู้จ่ายน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันขนาดเล็กได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งในขั้นตอนของการยื่นขออนุญาตตั้งปั๊มน้ำมัน หรือการยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตตั้งปั๊มน้ำมันนั้นจำเป็นจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ รวมไปถึงค่าธรรมเนียม และค่าเอกสารและหลักฐานประกอบต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณหลักร้อยถึงหลักพันต่อการยื่นเอกสารสำหรับการขอพิจารณาหนึ่งครั้ง


  5. ค่าเช่าที่ดิน
    ในการจะลงทุนทำธุรกิจตู้จ่ายน้ำมันหรือปั๊มดูดน้ำมันนั้น เรื่องของทำเลที่ตั้งก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อรายได้และกำไรที่เจ้าของกิจการและผู้ประกอบการจะได้รับจากการลงทุนในธุรกิจปั๊มน้ำมันโดยตรง เพราะค่าเช่าที่ดินถือเป็นค่าใช้จ่ายแบบคงที่ (Fixed Cost) ที่ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องจ่ายในทุก ๆ เดือนหากยังคงมีการดำเนินธุรกิจตู้จ่ายน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันขนาดเล็กอยู่ โดยหนึ่งในโจทย์สำคัญของการเลือกทำเลที่ตั้งสำหรับธุรกิจปั๊มน้ำมันนั้น คือการที่เจ้าของธุรกิจจำเป็นจะต้องทำการตัดสินใจเลือกว่า จะเลือกลงทุนเช่าพื้นที่ราคาถูกที่อาจจะอยู่ในทำเลที่มีผู้คนผ่านไปผ่านมาน้อย หรือเลือกลงทุนเช่าพื้นที่ราคาแพงในย่านเศรษฐกิจที่มีผู้คนพลุกพล่านดีกว่ากัน ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เป็นไปได้สำหรับการเช่าที่ดินลงทุนทำธุรกิจตู้จ่ายน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันนั้นอาจจะมีเริ่มต้นที่ตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนต่อเดือนเลยทีเดียว


  6. ค่าจ้างพนักงาน 
    ต้นทุนในด้านของค่าจ้างพนักงานนั้นถือได้ว่าเป็นต้นทุนที่แปรผันตรงกับรูปแบบการลงทุนของธุรกิจตู้จ่ายน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันขนาดเล็กโดยเฉพาะ เพราะถ้าหากเจ้าของธุรกิจมีการลงทุนสร้างปั๊มน้ำมันที่มีการใช้งานตู้จ่ายน้ำมันแบบหยอดเหรียญ ที่ลูกค้าสามารถทำการจ่ายเงินเพื่อเติมน้ำมันในปริมาณที่ต้องการได้ด้วยตัวเองนั้น ก็จะทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถประหยัดต้นทุนในส่วนของค่าจ้างพนักงานที่จะมาคอยให้บริการเติมน้ำมันลงได้ แต่ในทางกลับกันหากเจ้าของธุรกิจมีการลงทุนสร้างปั๊มน้ำมันที่มีตู้จ่ายน้ำมันแบบมีหัวจ่าย เจ้าของธุรกิจก็จำเป็นที่จะต้องจ้างพนักงานมาคอยให้บริการเติมน้ำมันให้กับลูกค้าอย่างน้อย 1-2 คน ตามขนาดของปั๊มน้ำมันที่ได้มีการลงทุนไป ซึ่งอัตราค่าจ้างพนักงานขั้นต่ำนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 313-336 บาท ต่อวัน ต่อคน โดยอัตราค่าจ้างพนักงานดังกล่าวนี้ยังไม่รวมไปถึงค่าตอบแทนอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น ค่าโบนัส ค่า commission ค่าตำแหน่ง หรือค่าครองชีพ ที่เจ้าของธุรกิจอาจมีการพิจารณาจ่ายให้กับพนักงานตามความเหมาะสมอีกด้วย


สำหรับลูกค้าท่านไหนที่กำลังสนใจในการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง รวมไปถึงผู้ประกอบการที่ต้องการจะลงทุนในตู้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง หรือปั๊มน้ำมันของตนเอง พีดี เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ซัพพลาย ยินดีให้คำปรึกษาและพร้อมให้บริการด้านการวางแผนและออกแบบปั๊มน้ำมันสำหรับธุกิจของคุณตามงบประมาณที่คุณได้มีการกำหนดเอาไว้ โดยเรามีทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้การดูแลทุกความต้องการของคุณตลอด 24 ชั่วโมง เพียงแค่คุณกดปุ่มช่อง Chat บริเวณมุมขวาด้านล่าง ก็จะสามารถติดต่อกับเราได้ในทันที

 

สนใจสอบถามรายละเอียดและราคาติดต่อ :
บจก.พีดีเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ซัพพลาย
โทรศัพท์ : 065-5121818 (ฝ่ายขาย) หรือ 089-9966974 (สายด่วน)
Website : www.pdesupply.com
Email : peerapong.p@pdesupply.com
LINE : @pdengineering